เจรจาธุรกิจยุคใหม่ด้วยสูทและสนีกเกอร์

             การแต่งกายที่ดูดีและส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้สวมใส่ ถือเป็นอาวุธสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจ สร้างความน่าเชื่อถือ และสะท้อนตัวตนได้อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะในโอกาสที่ต้องพบปะเจรจากับผู้คนจำนวนมากในโลกของธุรกิจ สูท จึงนับเป็นตัวเลือกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล      ว่าเป็นการแต่งกายที่เหมาะสมกับการออกงานสังคมที่มีความเป็นทางการ เพราะการแต่งกายด้วยชุดสูทมีรายละเอียดที่มากกว่าเสื้อสูทและกางเกงที่เข้าคู่กัน ซึ่งคุณภาพการตัดเย็บ รูปแบบของเนกไท เอกลักษณ์ของกระดุมแขนเสื้อ (Cufflinks) หรือแม้กระทั่งสีสันของพ็อกเก็ตสแควร์ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ผู้สวมใส่ชุดสูทมีบุคลิกภาพที่ดูดีและมีเสน่ห์มากขึ้นด้วยเช่นกัน

ความเปลี่ยนไปของค่านิยมการสวมสูทจากผู้นำด้านธุรกิจยุคใหม่

             เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่ ค่านิยมของการแต่งกายก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะวินาทีที่สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) อดีตผู้บริหารผู้ล่วงลับของแอปเปิล (Apple) เลือกใส่เสื้อคอเต่าสีดำ กางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบ ยืนถือไอโฟนเครื่องแรกของโลกบนเวทีจนได้รับความสนใจไปทั่วโลก ในขณะที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กก็ก้าวมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ และยังเป็นผู้กุมอำนาจแพลตฟอร์มที่ทรงพลังที่สุดของโลกด้วยเสื้อฮู้ดดี้กับเสื้อยืด ซึ่งเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้นักธุรกิจยุคใหม่เป็นอย่างมาก ส่งผลให้การแต่งกายที่ดูเรียบง่าย สบายๆ ด้วยการรองเท้าสนีกเกอร์สีขาว เบลเซอร์เท่ๆ ใส่ทับเสื้อยืดสกรีนโลโก้บริษัทกลายมาเป็นเครื่องแบบที่ใครต่อใครก็นิยม โดยเฉพาะในวงการธุรกิจสตาร์ตอัพนั่นเอง

จะเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจตัดสูทในยุคสมัยที่ค่านิยมเปลี่ยนไป?

             จากข้อมูลของเว็บไซต์ Market Watch พบว่า ตลาดเสื้อผ้าสั่งตัดรวมถึงสูทของผู้ชายทั่วโลกมีมูลค่าเกือบ 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 และยังมีแนวโน้มเติบโตได้ถึง 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 หากพิจารณาเฉพาะสินค้ากลุ่มเสื้อโค้ต แจ็กเกต และสูท จะยังเติบโตได้ปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2020-2024 โดยสิ่งที่เป็นปัจจัยกดดันธุรกิจเหล่านี้ คือกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดหายไปในยุคโควิด-19 (COVID-19) ที่ภาคบริการทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบ ลองนึกภาพพนักงานที่ต้องถูกพักงานหรือให้ออกจากงานนับล้านคน ซึ่งคงไม่มีใครอยากจ่ายเงินตัดสูทชุดใหม่ หรือซื้อรองเท้าหนังคู่ใหม่ในตอนนี้ ไม่นับรวมนักธุรกิจและพนักงานออฟฟิศที่ทำงานจากที่บ้าน ความจำเป็นในการใส่ชุดทำงานจึงน้อยลงไปพอสมควร

             อีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านตัดสูทนั่นก็คือ ธุรกิจฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) ที่ขยายตัวอย่างร้อนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บรรดาแบรนด์หรูรวมทั้งร้านตัดสูทต้องปวดหัวพอสมควร เนื่องจากสูทและเสื้อผ้าจากร้านฟาสต์แฟชั่นนั้นถูกผลิตในจำนวนมหาศาล เพื่อการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ทำให้ต้นทุนต่อชิ้นต่ำที่สุด และกำหนดราคาขายที่จับต้องได้สำหรับชนชั้นกลาง มิหนำซ้ำยังออกสินค้าใหม่ได้ทุกสองสัปดาห์ ไม่ว่าจะเดินเข้าร้านกี่ครั้งแบบของเสื้อผ้าก็ไม่เหมือนเดิม จะสั่งซื้อสูทออนไลน์ก็ทำได้ง่ายแค่ชั่วพริบตา หรือพอใส่จนเบื่อก็เปลี่ยนได้แบบไม่ต้องเสียดายอะไร การวัดตัว ตัดชุด รอรับของในอีก 2-3 สัปดาห์จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และเหมาะสำหรับกลุ่มผู้มีอันจะกินที่มีเวลาว่างไปโดยปริยาย

             นอกจากนี้ การใช้เครื่องจักรในอนาคต การวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการใช้หุ่นยนต์ จะเข้ามามีบทบาทกับธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้ามากยิ่งขึ้น การวัดตัวด้วยเครื่องมือที่มีเซนเซอร์อัจฉริยะที่ให้ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยจำลองภาพเสมือนได้ทันที ก็จะทำให้เกิดการกดดันธุรกิจสั่งตัดเสื้อผ้ามากขึ้นไปอีกเช่นกัน

แล้วจุดแข็งของร้านตัดสูทคืออะไร?

             สำหรับจุดแข็งที่ร้านตัดสูทที่ธุรกิจเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจะเอาชนะได้ยาก นั่นก็คือ การสร้างประสบการณ์ทางบวกให้กับลูกค้า ณ จุดขาย เนื่องจากพนักงานหรือเจ้าของร้านมักจะมีความรู้เรื่องสูทเป็นอย่างดี สามารถเล่าเรื่องความแตกต่างของเนื้อผ้า แหล่งที่มา และแพตเทิร์นได้ดี รวมทั้งสามารถช่วยตัดสินใจเลือกแบบและเพิ่มสีสันรายละเอียดที่ถ้าไม่บอกก็จะไม่ทันสังเกต แต่ทำให้คนใส่รู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นได้ การพูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระระหว่างใช้บริการก็เป็นเสน่ห์ที่สำคัญ เพราะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย มีความเป็นกันเอง เป็นเรื่องของประโยชน์เชิงอารมณ์ (Emotional Benefit) ระหว่างมนุษย์ด้วยกันโดยแท้

การเติบโตของสนีกเกอร์ในโลกของธุรกิจ

             มูลค่าตลาดรองเท้าสนีกเกอร์ที่ใหญ่โตถึง 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นถึงปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงปี 2021-2026 โดยมีทวีปอเมริกาเหนือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด สะท้อนความนิยมของการแต่งกายแบบสตรีทและแคชวลแวร์ที่จะเข้ามามีบทบาทในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

             จะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน เราอยู่ในยุคที่สูทสามารถใส่คู่กับรองเท้าผ้าใบในการออกงานพบปะผู้คนโดยเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เน้นภาพลักษณ์ให้มีความเข้าถึงง่าย สบายๆ แตกต่างจากในอดีต ซึ่งลอร์ดเทเลอร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วัฒนธรรมการใส่สูทจะยังสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนได้ในทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าจะมีการถูกปรับเปลี่ยน ดัดแปลง ไปตามค่านิยมและแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาก็ตาม

             และหากคุณต้องการชุดสูทที่พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ของคุณให้ดูดีได้ในทันทีที่สวมใส่ ลอร์ดเทเลอร์สามารถเนรมิตชุดสูทคุณภาพดีโดยช่างตัดสูทมืออาชีพให้คุณได้ ติดต่อได้ที่ เว็บไซต์ https://lordstailor.com/ หรือโทร. +66 819020171

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : GQ Thailand